อุทยานแห่งชาติภูเรือ อ.ภูเรือ จ.เลย (ดูภาพด้านล่าง)
หมายเหตุ : เนื้อหาและรูปภาพในหัวข้ออุทยานแห่งชาติภูเรือนี้มีด้วยกันทั้งหมด 2 หน้า ท่านสามารถ click link ตัวเลขที่ด้านล่างสุดของหน้า เพื่อชมข้อมูลและรูปภาพในหน้าต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ
“อุทยานแห่งชาติภูเรือ” คือ สถานที่ท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวในจังหวัดเลยซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเทียบเคียงได้ใกล้ๆกันกับ “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” ด้วยความงดงามของไอหมอก แสงสีของดวงอาทิตย์ยามอรุณรุ่ง หมู่หินผารูปร่างแปลกตา พืชพันธุ์ดอกไม้ป่าเบ่งบานและน้ำตกที่สามารถลงสรงสนานได้อย่างสำราญใจ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมายหลั่งไหลมายังภูเขาแห่งนี้
การเดินทางเพื่อขึ้นไปท่องเที่ยวบนภูเรือนั้นไม่ลำบากยากเย็นนักหากเทียบกับการขึ้นสู่ยอดภูกระดึง เนื่องด้วยมีถนนลาดยางซึ่งคุณสามารถเหมารถรับจ้างหรือขับรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปจนถึงลานจอดรถบริเวณใกล้เคียงกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆบนภูเรือได้เลย (แต่ในกรณีของภูกระดึงนั้นคุณจำเป็นต้องใช้มือ ขาและเท้าทั้งสองคู่ตะเกียกตะกายจากเชิงเขาขึ้นไปยังหลังแปประมาณ 5 กม. แล้วต้องเดินลากสังขารต่อไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางอีกประมาณ 4 กม. จึงจะถึงลานกางเต็นท์ สามารถอ่านรายละเอียดและชมภาพประกอบเพิ่มเติมภายในเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม หัวข้อ “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” ได้ครับ) และเพราะความสะดวก สบาย ง่ายๆ เช่นนี้เองจึงทำให้บรรดานักท่องเที่ยวผู้ซึ่งไม่พิศวาสความลำบากยากแค้นสักเท่าไหร่นักเลือกที่จะมาสัมผัสกับบรรยากาศอันหนาวเหน็บ ณ อุทยานแห่งชาติภูเรือแทนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
|
ภูเรือ อีกหนึ่งยอดขุนเขาที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันว่าอยากจะมีโอกาสได้มาเยือนสักครั้ง
|
|
สาวน้อยคนหนึ่งกำลังรอคอยให้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้ามาทักทาย |
|
สายหมอกลอยตัวเหนือหุบเขา แต่งแต้มเติมสีสันในวันหนาว |
|
ต่างคน ต่างอิริยาบถบนยอดภูเรือ |
สำหรับชื่อ “ภูเรือ” นั้นมีที่มาจากลักษณะของภูเขาซึ่งมีชะโงกผายื่นออกมาคล้ายเรือสำเภาขนาดใหญ่โดยที่ราบบนเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือ
หากพูดถึงกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นบนอุทยานแห่งชาติภูเรือแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่ามีมากมายหลากหลายอย่างดังเช่นที่พวกเราทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) จะขอสรุปให้ทุกๆท่านทราบตามรายการทางด้านล่างต่อไปนี้
1. ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามอรุณรุ่ง จุดชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นบนภูเรือที่สำคัญและมีความสวยงามนั้นมีอยู่ 2 แห่ง คือ ผาโหล่นน้อยและยอดภูเรือ สำหรับ“ผาโหล่นน้อย” นี้อยู่ห่างจากลานจอดรถบริเวณใกล้เคียงเพียงแค่ไม่ถึง 200 เมตร คุณสามารถจอดรถแล้วเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ณ ผาโหล่นน้อยนี้ได้แบบสบายๆโดยที่อาจจะยังไม่เสียเหงื่อ ระหว่างทางเดินสั้นๆนี้บางทีคุณจะเห็นดอกไม้ป่าหายากบางชนิดชูช่ออวดกายท้าสายลมหนาวอยู่ดูสวยงามยิ่ง เดินต่อมาไม่ไกลก็จะมองเห็นศาลาชมทิวทัศน์ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแต่หากคุณอยากจะสัมผัสกับบรรยากาศที่แตกต่างออกไปอีกสักเล็กน้อยก็ลองเดินลัดเลาะข้างศาลาลงไปด้านล่างไม่เกิน 50 เมตรจะมีจุดชมทิวทัศน์อีกแห่งหนึ่งซึ่งทางอุทยานฯได้สร้างไม้กั้นไว้ในลักษณะคล้ายกับระเบียงริมแนวผา ในวันที่พวกเราทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมได้มีโอกาสมาเก็บข้อมูลนี้โชคไม่ดีที่ฟ้าไม่เปิดเนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาวทำให้มีเมฆฝนบางส่วนมาบดบังความงดงามของดวงอาทิตย์ไปจนเกือบหมดจะเห็นก็แต่แค่แสงสีแสดแดงเรื่อๆ ซึ่งเล็ดลอดจากหลืบเร้นของกลีบเมฆลงมาตัดกับสีเขียวสดของผืนป่าเบื้องล่างเท่านั้น
|
มวลหมู่บุปผาหลากพันธุ์ หลายสีสัน งดงาม |
“ยอดภูเรือ” เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง จากบริเวณลานจอดรถใกล้กับผาโหล่นน้อยคุณสามารถเลือกเดินเท้าไปตามถนนลาดยางระยะทางประมาณเกือบ 1 กม.ขึ้นสู่ยอดภูเรือหรืออาจจะเลือกขึ้นรถสองแถวที่ทางอุทยานฯจัดไว้ให้บริการรับนักท่องเที่ยวขึ้นยอดภูเรือก็ได้ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 10 บาทต่อเที่ยว (ไป 10 บาท – กลับ 10 บาทครับ สามารถใช้เวลาอยู่บนยอดภูเรือนานแค่ไหนก็ได้หรือจะเลือกเดินไปแล้วนั่งรถกลับหรือนั่งรถไปแล้วเดินกลับก็ได้ตามความสะดวกครับ) บนยอดภูเรือนี้เป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธนาวาบรรพต” พระพุทธรูปเก่าแก่ซึ่งอัญเชิญมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยาตั้งแต่ พ.ศ.2521 ต่อมาตัวองค์พระได้รับการปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง จนกระทั้งปี พ.ศ. 2538 จึงได้มีการสร้างเจดีย์ถาวรครอบองค์พระขึ้นในที่สุด ทางเดินขึ้นสู่เจดีย์พระพุทธนาวาบรรพตสร้างเป็นบันไดหินขั้นเตี้ยๆ สองข้างปลูกไม้ดอกเมืองหนาวประดับประดาไว้อย่างสวยงาม บริเวณโดยรอบเจดีย์นี้เป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงาม (จุดชมทิวทัศน์ทะเลหมอกจะอยู่บริเวณระเบียงริมผาซึ่งทางอุทยานฯได้จัดสร้างไว้ด้านหลังเจดีย์พระพุทธนาวาบรรพต ส่วนจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้นจะอยู่บริเวณศาลาริมผาก่อนถึงทางเดินหินขึ้นองค์เจดีย์ครับ) เมื่อทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเราหมดหวังจากการชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ณ ผาโหล่นน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็รีบขึ้นรถสองแถวของทางอุทยานฯมุ่งตรงสู่ยอดภูเรือทันทีเผื่อว่าอาจจะสามารถเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าที่แปลกตาได้มากขึ้นอีกสักหน่อย จากการสังเกตจำนวนนักท่องเที่ยวซึ่งมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูเรือนี้พวกเราคิดว่าน่าจะมีจำนวนมากกว่าที่ผาโหล่นน้อยเกือบสองเท่าแต่เนื่องจากบริเวณยอดภูเรือนี้มีแนวผาซึ่งค่อนข้างกว้างและยาวกว่าบริเวณผาโหล่นน้อยพอสมควรทำให้ไม่ต้องเบียดเสียดยัดเยียดแย่งกันหาตำแหน่งสำหรับชมทิวทัศน์เท่าไหร่นัก
|
ดอกไม้ สายหมอก หมู่สน และ คนสวย!? |
|
เชิญทุกท่านเดินทางขึ้นนมัสการพระพุทธนาวาบรรพตที่ยอดภูเรือ (ภาพซ้าย)
และจุดแวะชมหินพระศิวะ (ภาพขวา) |
|
แม้ว่าหมอกจะลงหนาแค่ไหน แต่นักท่องเที่ยวอย่างเราก็ยังจะถ่ายรูปอยู่ดี |
นอกเหนือไปจาก “ผาโหล่นน้อย” และ “ยอดภูเรือ” แล้วยังมีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกแห่งหนึ่งบนอุทยานแห่งชาติภูเรือซึ่งเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงนั่นก็คือ “จุดชมวิวเดโช” สำหรับจุดชมวิวเดโชนี้อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 500 เมตร (จากทางขึ้นที่ทำการอุทยานฯจะถึง “จุดชมวิวเดโช” ก่อน “ผาโหล่นน้อย” และ “ยอดภูเรือ” ครับ) แต่เป็นจุดชมทิวทัศน์ซึ่งไม่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่นักเนื่องจากการเลือกชมพระอาทิตย์ขึ้น ณ “ผาโหล่นน้อย” และ “ยอดภูเรือ” นั้นจะมีความสวยงามมากกว่า สำหรับผู้ซึ่งคิดว่ายังชมทะเลหมอกบริเวณยอดภูเรือได้ไม่จุใจ ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมแนะนำว่าให้เดินจากยอดภูเรือต่อมาทางทิศตะวันตกตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกประมาณ 350 เมตรจะพบกับ “ผาหญ้าไผ่” ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลหมอกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง (แต่ที่ “ผาหญ้าไผ่” นี้จะไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขณะกำลังขึ้นได้ครับ)
อุทยานแห่งชาติภูเรือ อ.ภูเรือ หน้า 1 2
|
|